ผลต่างระหว่างรุ่นของ "204512/บรรยาย 9"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
แถว 134: แถว 134:
  
 
<br/>
 
<br/>
[[Knapstack]]<br/>
+
== Knapstack ==
 
ถุงมีความจุ L หน่วย<br/>
 
ถุงมีความจุ L หน่วย<br/>
 
มีของ k ชิ้น<br/>
 
มีของ k ชิ้น<br/>
แถว 177: แถว 177:
 
<tr><td> 4 </td><td>  2  </td><td> 3  </td></tr>
 
<tr><td> 4 </td><td>  2  </td><td> 3  </td></tr>
 
<tr><td> 5 </td><td>  1  </td><td> 1  </td></tr>
 
<tr><td> 5 </td><td>  1  </td><td> 1  </td></tr>
 +
</table><br/>
 +
<br/>
 +
'''ตัวอย่าง : Longest Common Substring'''
 +
ให้ string S, T <br/>
 +
ต้องการหา substring U ที่มีความยาวมากที่สุดที่เป็นทั้ง substring ของ S และ T <br/>
 +
[[sol]] <br/>
 +
string A เป็น substring ของ B<br/>
 +
ถ้าเราสามารถสร้าง A ได้โดยการลบตัวอักษรบางตัวจาก B (หรือไม่ลบก็ได้)<br/>
 +
<br/>
 +
ให้ n = |S| , m = |T| <br/>
 +
S = AAGGATTCCAAGGAAAAGTTAG  <br/>
 +
T = GGTCCAGCCCAGCCATTGCAGTT <br/>
 +
<br/>
 +
สำหรับ string S ใดๆ <br/>
 +
ให้ <math>S_{i}</math> แทน prefix ความยาว i ของ S<br/>
 +
[[ex]]<br/>
 +
<math>S_{5}</math> = AAGGA<br/>
 +
T = GGT<br/>
 +
หา longest common substring ของ <math>S_{n}</math> กับ <math>T_{m}</math><br/>
 +
<br/>
 +
L(i,j) = ความยาวของ longest common substring ของ <math>S_{i}</math> กับ <math>T_{i}</math> <br/>
 +
รูป?????<br/>
 +
<math>L(i,j) = max
 +
\begin{cases}
 +
L(i,j-1) \\
 +
L(i-1,j) \\
 +
L(i-1,j-1)+1,  & \mbox{if } S[i] = T[j]\\
 +
L(i-1,j-1),  & \mbox{if } S[i] != T[j] (optional case)
 +
\end{cases}</math><br/>
 +
<br/>
 +
[[ทดลอง fill ตาราง]]<br/>
 +
ตาราง????<br/>
 +
ใช้เวลา O(mn)<br/>
 +
<br/>
 +
 +
== Optimal Binary Search Tree ==
 +
 +
<table>
 +
<tr><th>Data</th><td>1</td><td>2</td><td>3</td><td>4</td><td>5</td><td>6</td><td>7</td></tr>
 +
<tr><th>Acess</th><td>3</td><td>2000</td><td>4</td><td>2</td><td>10</td><td>5</td><td>10000</td></tr>
 
</table>
 
</table>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:16, 15 สิงหาคม 2550

Dynamic Programming

สมมุติต้องการเดินทางจากบ้าน ดช. ก ไปบ้าน ดญ. ข ระหว่างบ้าน ดช. ก กะ ดญ. ข ก็มีถนนตัดกันไปเรื่อยๆ คำถามคือ จากบ้าน ดช. ก ไปยังบ้าน ดญ.ข สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางต่างกันได้กี่แบบ

DP1.jpg

คำตอบคือ สามารถเลือกได้ แบบ หรือ แบบ

C(m,n) = C(m-1, n) + C(m,n-1)

C(0,0) เลือกได้ 1 วิธี

C(x,y) = 0 ถ้า x<0 หรือ y<0

ในกรณีที่มีการ block เส้นทาง เราอาจจะเขียน pseudo code ได้ ให้ recursive ไปที่จุดที่ col-1, row-1 ไปเรื่อยๆ

วิธีหนึ่งที่ใช้หาเส้นทาง

DP2.jpg

วิธีนี้เราจะทำการมองไปที่ทุกจุด โดยค่าที่แต่ละจุดเกิดจากผลรวมน้ำหนักของโหนดก่อนหน้า ดังนั้นวิธีนี้ใช้เวลาเป็น O(mn)

Dynamic programming คือการคำนวนมาก่อนเพื่อหาผลเฉลย

Example

Function revolenchy

F(0) = F(1) = 1

F(1) = F(i-1) + F(i-2) เมื่อ i>1

สังเกตว่ามันมีกรณีซ้ำซ้อนเกิดขึ้น

F[0]<-F[1]<=1

For i=2 to n do
F[i]<-F[i-1] + F[i-2]
Return F[n]

นั่นคือ ถ้าอยากรู้ f(i) ต้องรู้ f(i-1), f(i-2) DP3.jpg


Shortest path บน DAG (Directed Acyclic Graph)

เราหา shortest path อย่างไร จาก st

t อาจมีตัวติดกันมากมาย shortest path ที่มาจาก ts ได้ ถ้ามีนผ่าน , , พวกนี้ต้องเป็น shortest path ด้วยเช่นเดียวกัน

ถ้ามองแบบ recursive เราจะค่อยคลี่ออกแล้วมองปัญหาย่อยๆ

DP4.jpg


เราสามารถหาโดยไม่ต้องทำ recursive ก็ได้ โดยเรา evaluate ไปในทิศทางที่ขึ้นต่อกันเรื่อยๆ evaluate ด้วยลำดับที่เราเรียกว่า tropical order ถ้าเรียงลำดับตาม tolopical order (คือเป็น order ที่ edge ชี้จากโหนดน้อย->มาก)
S = , , , , … ,
Foreach vi, D(v1) <- infinity
D(v0) <- 0
For I = 1,…,n:
D(vi) = min [D(Vj) + l(vj,vi)]

                     Vj: (Vj, Vi) E E

ขั้นตอนการแก้ปัญหา dynamic programming
1. เขียน recurrence (เริ่มต้นนิยามปัญหาย่อย)
2. หาลำดับเพื่อ evaluate
3. เขียน pseudo code


Example

ถ้าเรามีเหรียญ 3, 5 บาท เราจะประกอบเหรียญให้เป็นเงินจำนวนไม่เกิน 100 บาท ได้กี่วิธี (ใช้เหรียญกี่เหรียญก็ได้)

เราอาจจะ plot เป็นตารางดังนี้

ตารางนี้เราทำการเก็บว่า ค่าไหนที่เกิดจากผลรวมของตัวมันบ้าง ซึ่งอาจจะให้ผลดีขึ้นถ้าเราเก็บด้วยว่าเราใช้เหรียญไปกี่เหรียญ

Example P(i) แทนจำนวนเหรียญที่เราใช้แล้วรวมกันได้ i บาท

ตัวอย่างนี้เราสามารถหาเหรียญที่ใช้น้อยที่สุดได้

ถ้าถามต่ออีกว่า เราจะรู้ได้หรือไม่ ว่าใช้เหรียญอะไรไปบ้าง? วิธีการคือ เราจะเก็บ pointer ไว้ เพื่อดูว่าค่าผลรวมได้มาจากการรวมเหรียญไหนไปบ้าง </math>

Example

มีถุงความจุเป็น L หน่วย
มีสินค้า k ประเภท
ประเภทที่ i, มีน้ำหนัก wi หน่วย
มีมูลค่า vi หน่วย

ให้หาสินค้าใส่ถุงโดย
1. ความจุรวม = L
2. มูลค่ารวมมากที่สุด

เลือกสินค้าที่ i มา 1 ชิ้น จะได้ว่า
1. P(i) = max P(i-wj) + Vj j:wj <= i 2. คำตอบคือ max P(i)

                 i: i <= L

A(i) = arg min P(i-wj) + Vj

อัลกอริทึมนี้ จะรันอยู่ในเวลา O(kL)
คำตอบนี้สำหรับปัญหาที่มี จำนวนสินค้าได้ไม่อั้น
แต่สำหรับสินค้าที่มี จำนวนกัด เราจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
ปัญหาลักษณะนี้เราเรียกว่า Knapsack problem


Knapstack

ถุงมีความจุ L หน่วย
มีของ k ชิ้น
ชิ้นที่ i หนัก , มีมูลค่า

ต้องการหาเซตของ ของ ที่
(1) น้ำหนักรวมของ ของ รวมไม่เกิน L
(2) มีมูลค่ารวมมากที่สุด

  • ต้องจัดลำดัับการหยิบให้ดี เพราะ ของแต่ละแบบมีชิ้นเดียว

hint: มีตัวแปร 2 ตัว

sol
จัดการหยิบของให้มีลำดับ

        เอาของชิ้นที่ 1 -> หยิบ
                   -> ไม่่หยิบ
        เอาของชิ้นที่ 2 -> หยิบ
                   -> ไม่่หยิบ
        เอาของชิ้นที่ 3 -> หยิบ
                   -> ไม่่หยิบ
                 .
                 .
                 .
        เอาของชิ้นที่ n -> หยิบ
                   -> ไม่่หยิบ

ให้
แทนมูลค่ามากที่สุดที่ทำได้เมื่อน้ำหนักรวม = i และใช้ของไม่เกินชิ้นที่ j


ตาราง L??????

ชิ้นที่น้ำหนักมูลค่า
1 7 8
2 4 5
3 4 5
4 2 3
5 1 1



ตัวอย่าง : Longest Common Substring ให้ string S, T
ต้องการหา substring U ที่มีความยาวมากที่สุดที่เป็นทั้ง substring ของ S และ T
sol
string A เป็น substring ของ B
ถ้าเราสามารถสร้าง A ได้โดยการลบตัวอักษรบางตัวจาก B (หรือไม่ลบก็ได้)

ให้ n = |S| , m = |T|
S = AAGGATTCCAAGGAAAAGTTAG
T = GGTCCAGCCCAGCCATTGCAGTT

สำหรับ string S ใดๆ
ให้ แทน prefix ความยาว i ของ S
ex
= AAGGA
T = GGT
หา longest common substring ของ กับ

L(i,j) = ความยาวของ longest common substring ของ กับ
รูป?????


ทดลอง fill ตาราง
ตาราง????
ใช้เวลา O(mn)

Optimal Binary Search Tree

Data1234567
Acess320004210510000