ผลต่างระหว่างรุ่นของ "418383 ภาคปลาย 2552/ระบบภาคเคลื่อนไหวสองมิติ"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
 
(ไม่แสดง 8 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน)
แถว 2: แถว 2:
  
 
== สไปรต์ (Sprite) ==
 
== สไปรต์ (Sprite) ==
เป็นที่ทราบกันดีว่าเราสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวได้จากการนำภาพนิ่งหลายๆ ภาพมาแสดงต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ในเกมที่มีการแสดงผลเป็นภาพสองมิติ ศิลปินจะวาดภาพนิ่งที่เรียกว่า ''สไปรต์'' (sprite) แล้วนำสไปรต์หลายๆ ภาพมาประกอบกันเป็นฉากและภาพเคลื่อนไหว เช่น
+
เป็นที่ทราบกันดีว่าเราสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวได้จากการนำภาพนิ่งหลายๆ ภาพมาแสดงต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ในเกมที่มีการแสดงผลเป็นภาพสองมิติ ศิลปินจะวาดภาพนิ่งที่เรียกว่า ''สไปรต์'' (sprite) แล้วนำสไปรต์หลายๆ ภาพมาประกอบกันเป็นฉากและภาพเคลื่อนไหว เช่นในภาพที่ 1 โดยศิลปิน (หรีือผู้ทำการรวบรวมสไปรต์จากเกมต่างๆ) มักจะรวมสไปรต์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันไว้ในไฟล์ภาพใหญ่ๆ ไฟล์หนึ่งที่เรียกว่า ''สไปรต์ชีต'' (sprite sheet) เช่นในภาพที่ 2
 +
 
 +
ในปัจจุบันมีเวบไซต์ที่รวบรวมสไปรต์จากเกมต่างๆ และเผยแพร่ให้คนนำเอาไปใช้สร้างการ์ตูนหรือเกมอยู่มากมาย เช่น [http://sdb.drshnaps.com Sprite Database] หรือ [http://spriters-resource.com/ Spriter's Resource] เป็นต้น
  
 
<center>
 
<center>
 
[[Image:Tenshi-sword-01.jpg]] [[Image:Tenshi-sword-02.jpg]] [[Image:Tenshi-sword-03.jpg]] [[Image:Tenshi-sword-04.jpg]]<br/>
 
[[Image:Tenshi-sword-01.jpg]] [[Image:Tenshi-sword-02.jpg]] [[Image:Tenshi-sword-03.jpg]] [[Image:Tenshi-sword-04.jpg]]<br/>
''ภาพเคลื่อนไหวท่าฟันดาบ เกิดจากการนำสไปรต์สี่ภาพมาแสดงติดต่อกัน''
+
'''ภาพที่ 1:''' ภาพเคลื่อนไหวท่าฟันดาบ เกิดจากการนำสไปรต์สี่ภาพมาแสดงติดต่อกัน
 +
</center>
 +
 
 +
<center>
 +
[[Image:SF2_ApolloFlame.png|400px]]<br/>
 +
'''ภาพที่ 2:''' สไปรต์ชีตของตัวละคร Apollo Flame จากเกม Megaman Star Force 2
 
</center>
 
</center>
  
โดยศิลปินมักจะรวมสไปรต์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันไว้ในไฟล์ภาพใหญ่ๆ ไฟล์หนึ่งที่เรียกว่า ''สไปรต์ชีต'' (sprite sheet) ยกตัวอย่างเช่น
+
== ภาพเคลื่อนไหวแบบเวียนบังเกิด ==
 +
ภาพเคลื่อนไหวที่ใช้ในเกมมีความซับซ้อน คนสร้างเกมต้องการภาพเคลื่อนไหวที่มีสไปรต์หลายแผ่น แต่ละแผ่นมีการเคลื่อนไหวเป็นของตัวเอง สามารถย่อขยายขนาด และเปลี่ยนแปลงความโปร่งใสได้ การเก็บภาพข้อมูลภาพเคลื่อนไหวที่มีความซับซ้อนเหล่านี้ สามารถทำได้โดยการนิยามภาพเคลื่อนไหวอย่างง่ายที่สุดที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ (atomic animation) และกระบวนการรวมภาพเคลื่อนไหวหลายๆ ภาพให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น การสร้างโครงสร้างที่มีความซับซ้อนจากโครงสร้างง่ายๆ เช่นนี้เป็นเทคนิคพื้นฐานทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ในการจัดการข้อมูล ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ''การนิยามแบบเวียนบังเกิด'' (recursive definition)
 +
 
 +
เราจะเริ่มนิยามภาพเคลื่อนไหวแบบเวียนบังเกิดจากการนิยามภาพเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้สองประเภท คือ ภาพเคลื่อนไหวว่าง (blank animation) และภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์ (sprite animation) หลังจากนั้นเราจะนิยามภาพเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นจากภาพเคลื่อนไหวอื่นอีก 6-7 ชนิด
 +
 
 +
=== ภาพเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ (Atomic Animation) ===
 +
==== ภาพเคลื่อนไหวว่าง (ฺBlank Animation) ====
 +
ภาพเคลื่อนไหวว่างเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เมื่อแสดงผลแล้วจอภาพจะไม่มีความเปลี่ยนแปลง ดูผิวเผินแล้วภาพเคลื่อนไหวนี้เหมือนกับจะไม่มีประโยชน์ แต่เราสามารถใช้มันสร้างภาพเคลื่อนไหวที่กระพริบได้ โดยสับหว่างภาพเคลื่อนไหวว่างกับภาพเคลื่อนไหวธรรมดา
 +
 
 +
==== ภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์ (Sprite Animation) ====
 +
ภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์จะแสดงส่วนหนึ่งของสไปรต์ชีตทางหน้าจอเป็นภาพนิ่ง (ภาพนิ่งก็เป็นเภาพเคลื่อนไหวอย่างหนึ่ง!) ข้อมูลที่ภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์จะต้องเก็บมีดังต่อไปนี้
 +
* ชื่อไฟล์ของสไปรต์ชีต
 +
* กรอบสี่เหลี่ยมที่บอกถึงบริเวณสไปรต์ชีตที่จะนำไปแสดงผลในหน้าจอ
 +
* ฮ็อตสป็อต (hot spot) ซึ่งหมายความถึงจุดศูนย์กลางของภาพเคลื่อนไหว
 +
* ข้อมูลว่าจะต้องทำการกลับสไปรต์ชีตก่อนนำไปแสดงผลหรือไม่
 +
 
 +
เวลานำภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์ไปแสดงผล เราจะวาดภาพโดยทำให้ฮ็อตสป็อตของสไปรต์ตรงกับตำแหน่ง (0,0) ในระบบพิกัดของหน้าจอ (ระบบพิกัดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้) ยกตัวอย่างเช่น เรามีสไปรต์ชีตเก็บอยู่ในภาพชื่อ <tt>Marisa00.png</tt> ซึ่งมีขนาด 256 x 256 พิกเซล
 +
 
 +
<center>
 +
[[Image:Marisa00.png]]<br/>
 +
'''ภาพที่ 3:''' <tt>Marisa00.png</tt>
 +
</center>
 +
 
 +
หากเราต้องการแสดงภาพตัวละครตัวนี้ยืนอยู่เฉยๆ เราสามารถทำได้โดยสร้างภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์โดย
 +
* มีชื่อไฟล์เป็น <tt>Marisa00.png</tt>
 +
* มีกรอบสี่เหลี่ยมที่มีมุมบนซ้ายอยู่ที่จุด (0,0) และมีความกว้าง 64 พิกเซล สูง 64 พิกเซล
 +
* มีฮ็อตสป็อตอยู่ทีุ่จุด (32,63)
 +
* ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการกลับสไปรต์ชีต
 +
บริเวณที่จะถูกแสดงผลจะเป็นไปตามภาพที่ 4 และเมื่อแสดงผลจริงจะเป็นไปตามภาพที่ 5
 +
 
 +
<center>
 +
[[Image:Marisa00-sprite-01.png]]<br/>
 +
'''ภาพที่ 4:''' บริเวณที่ถูกล้อมรอบด้วยกรอบสีเขียวคือบริเวณที่จะถูกแสดงผล และจุดสีแดงแสดงตำแหน่งของฮ็อตสป็อตโดยประมาณ
 +
</center>

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:51, 11 มิถุนายน 2552

เอกสารนี้เขียนขึ้นเพื่ออธิบายวิธีการเก็บข้อมูลภาพเคลื่อนไหวสองมิติที่จะนำไปใช้ในการเขียนเกมในวิชา 418383: การโปรแกรมเกม รวมถึงอธิบายรูปแบบของไฟล์ที่ใช้เก็บข้อมูลเหล่านี้ด้วย

สไปรต์ (Sprite)

เป็นที่ทราบกันดีว่าเราสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวได้จากการนำภาพนิ่งหลายๆ ภาพมาแสดงต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ในเกมที่มีการแสดงผลเป็นภาพสองมิติ ศิลปินจะวาดภาพนิ่งที่เรียกว่า สไปรต์ (sprite) แล้วนำสไปรต์หลายๆ ภาพมาประกอบกันเป็นฉากและภาพเคลื่อนไหว เช่นในภาพที่ 1 โดยศิลปิน (หรีือผู้ทำการรวบรวมสไปรต์จากเกมต่างๆ) มักจะรวมสไปรต์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันไว้ในไฟล์ภาพใหญ่ๆ ไฟล์หนึ่งที่เรียกว่า สไปรต์ชีต (sprite sheet) เช่นในภาพที่ 2

ในปัจจุบันมีเวบไซต์ที่รวบรวมสไปรต์จากเกมต่างๆ และเผยแพร่ให้คนนำเอาไปใช้สร้างการ์ตูนหรือเกมอยู่มากมาย เช่น Sprite Database หรือ Spriter's Resource เป็นต้น

Tenshi-sword-01.jpg Tenshi-sword-02.jpg Tenshi-sword-03.jpg Tenshi-sword-04.jpg
ภาพที่ 1: ภาพเคลื่อนไหวท่าฟันดาบ เกิดจากการนำสไปรต์สี่ภาพมาแสดงติดต่อกัน

SF2 ApolloFlame.png
ภาพที่ 2: สไปรต์ชีตของตัวละคร Apollo Flame จากเกม Megaman Star Force 2

ภาพเคลื่อนไหวแบบเวียนบังเกิด

ภาพเคลื่อนไหวที่ใช้ในเกมมีความซับซ้อน คนสร้างเกมต้องการภาพเคลื่อนไหวที่มีสไปรต์หลายแผ่น แต่ละแผ่นมีการเคลื่อนไหวเป็นของตัวเอง สามารถย่อขยายขนาด และเปลี่ยนแปลงความโปร่งใสได้ การเก็บภาพข้อมูลภาพเคลื่อนไหวที่มีความซับซ้อนเหล่านี้ สามารถทำได้โดยการนิยามภาพเคลื่อนไหวอย่างง่ายที่สุดที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ (atomic animation) และกระบวนการรวมภาพเคลื่อนไหวหลายๆ ภาพให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น การสร้างโครงสร้างที่มีความซับซ้อนจากโครงสร้างง่ายๆ เช่นนี้เป็นเทคนิคพื้นฐานทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ในการจัดการข้อมูล ซึ่งมีชื่อเรียกว่า การนิยามแบบเวียนบังเกิด (recursive definition)

เราจะเริ่มนิยามภาพเคลื่อนไหวแบบเวียนบังเกิดจากการนิยามภาพเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้สองประเภท คือ ภาพเคลื่อนไหวว่าง (blank animation) และภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์ (sprite animation) หลังจากนั้นเราจะนิยามภาพเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นจากภาพเคลื่อนไหวอื่นอีก 6-7 ชนิด

ภาพเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ (Atomic Animation)

ภาพเคลื่อนไหวว่าง (ฺBlank Animation)

ภาพเคลื่อนไหวว่างเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เมื่อแสดงผลแล้วจอภาพจะไม่มีความเปลี่ยนแปลง ดูผิวเผินแล้วภาพเคลื่อนไหวนี้เหมือนกับจะไม่มีประโยชน์ แต่เราสามารถใช้มันสร้างภาพเคลื่อนไหวที่กระพริบได้ โดยสับหว่างภาพเคลื่อนไหวว่างกับภาพเคลื่อนไหวธรรมดา

ภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์ (Sprite Animation)

ภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์จะแสดงส่วนหนึ่งของสไปรต์ชีตทางหน้าจอเป็นภาพนิ่ง (ภาพนิ่งก็เป็นเภาพเคลื่อนไหวอย่างหนึ่ง!) ข้อมูลที่ภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์จะต้องเก็บมีดังต่อไปนี้

  • ชื่อไฟล์ของสไปรต์ชีต
  • กรอบสี่เหลี่ยมที่บอกถึงบริเวณสไปรต์ชีตที่จะนำไปแสดงผลในหน้าจอ
  • ฮ็อตสป็อต (hot spot) ซึ่งหมายความถึงจุดศูนย์กลางของภาพเคลื่อนไหว
  • ข้อมูลว่าจะต้องทำการกลับสไปรต์ชีตก่อนนำไปแสดงผลหรือไม่

เวลานำภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์ไปแสดงผล เราจะวาดภาพโดยทำให้ฮ็อตสป็อตของสไปรต์ตรงกับตำแหน่ง (0,0) ในระบบพิกัดของหน้าจอ (ระบบพิกัดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้) ยกตัวอย่างเช่น เรามีสไปรต์ชีตเก็บอยู่ในภาพชื่อ Marisa00.png ซึ่งมีขนาด 256 x 256 พิกเซล

Marisa00.png
ภาพที่ 3: Marisa00.png

หากเราต้องการแสดงภาพตัวละครตัวนี้ยืนอยู่เฉยๆ เราสามารถทำได้โดยสร้างภาพเคลื่อนไหวจากสไปรต์โดย

  • มีชื่อไฟล์เป็น Marisa00.png
  • มีกรอบสี่เหลี่ยมที่มีมุมบนซ้ายอยู่ที่จุด (0,0) และมีความกว้าง 64 พิกเซล สูง 64 พิกเซล
  • มีฮ็อตสป็อตอยู่ทีุ่จุด (32,63)
  • ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการกลับสไปรต์ชีต

บริเวณที่จะถูกแสดงผลจะเป็นไปตามภาพที่ 4 และเมื่อแสดงผลจริงจะเป็นไปตามภาพที่ 5

Marisa00-sprite-01.png
ภาพที่ 4: บริเวณที่ถูกล้อมรอบด้วยกรอบสีเขียวคือบริเวณที่จะถูกแสดงผล และจุดสีแดงแสดงตำแหน่งของฮ็อตสป็อตโดยประมาณ