ผลต่างระหว่างรุ่นของ "418531 ภาคต้น 2552/โจทย์ปัญหาการพิสูจน์ II/เฉลยข้อ 6"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
 
(ไม่แสดง 6 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
แถว 50: แถว 50:
 
<td align="center"><math>= \,</math></td>
 
<td align="center"><math>= \,</math></td>
 
<td align="left"><math>-\min(a_1, a_2, \ldots, a_{n+1})\,</math></td>
 
<td align="left"><math>-\min(a_1, a_2, \ldots, a_{n+1})\,</math></td>
<td align="left"> (ใช้ lemma 1)</td>
+
<td align="left"></td>
 
</tr>
 
</tr>
 
</table>
 
</table>
  
 
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า <math>\max(-a_1, -a_2, \ldots, -a_n) = -\min(a_1, a_2, \ldots, a_n)</math> สำหรับจำนวนจริง <math>a_1, a_2, \ldots, a_n</math> ใดๆ
 
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า <math>\max(-a_1, -a_2, \ldots, -a_n) = -\min(a_1, a_2, \ldots, a_n)</math> สำหรับจำนวนจริง <math>a_1, a_2, \ldots, a_n</math> ใดๆ
 +
 +
== ข้อย่อย 3 ==
 +
ก่อนเราจะพิสูจน์ข้อความในโจทยฺ์ เราจะพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้ก่อน
 +
 +
'''lemma 2:''' ให้ <math>a_1, a_2 \,</math> และ <math>b_1, b_2 \,</math> เป็นจำนวนจริงใดๆ แล้ว <math>\mathrm{max2}(a_1 + b_1, a_2 + b_2) \leq \mathrm{max2}(a_1, a_2) + \mathrm{max2}(b_1, b_2) \,</math>
 +
 +
''พิสูจน์ (lemma 2):'' ให้ <math>A = \mathrm{max2}(a_1, a_2) \,</math> และให้ <math>ฺB = \mathrm{max2}(b_1, b_2) \,</math> เราได้ว่า <math>a_1 \leq A, a_2 \leq A, b_1 \leq B,</math> และ <math>b_2 \leq B \,</math> ฉะนั้น <math>a_1 + b_1 \leq A+B \,</math> และ <math>a_2 + b_2 \leq A+B \,</math>
 +
 +
เนื่องจาก <math>\mathrm{max2}(a_1 + b_1, a_2 + b_2) \,</math> มีค่าเท่ากับ <math>a_1 + b_1\,</math> หรือไม่ก็ <math>a_2 + b_2\,</math> เราจึงได้ว่า <math>\mathrm{max2}(a_1 + b_1, a_2 + b_2) \leq A+B = \mathrm{max2}(a_1, a_2)  + \mathrm{max2}(b_1, b_2) \,</math>
 +
 +
 +
''พิสูจน์ (โจทย์):'' เราจะทำการพิสูจน์โดยใช้ induction บนตัวแปร <math>n \,</math>
 +
 +
(Base Case) <math>n = 1 \,</math> เราจะได้ว่า <math>\max(a_1 + b_1) \leq a_1 + b_1 = \max(a_1) + \max(b_1) \,</math>
 +
 +
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวกและสมมติให้ <math>\max(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_n+b_n) \leq \max(a_1, a_2, \ldots, a_n) + \max(b_1, b_2, \ldots, b_n) \,</math>
 +
 +
ให้ <math>a_1, a_2, \ldots, a_{n+1}, b_1, b_2, \ldots, b_{n+1}</math> เป็นจำนวนจริงใดๆ  เราได้ว่า
 +
 +
<table cellpadding="5">
 +
<tr>
 +
<td align="right"><math>\max(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_{n+1}+b_{n+1})  \,</math></td>
 +
<td align="center"><math>= \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\mathrm{max2}(\max(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_n+b_n), a_{n+1}+b_{n+1}) \,</math></td>
 +
<td align="left"></td>
 +
</tr>
 +
<tr>
 +
<td align="right"></td>
 +
<td align="center"><math>\leq \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\mathrm{max2}(\max(a_1, a_2, \ldots, a_n) + \max(b_1, b_2, \ldots, b_n), a_{n+1} + b_{n+1}) \,</math></td>
 +
<td align="left">(สมมติฐาน)</td>
 +
</tr>
 +
<tr>
 +
<td align="right"></td>
 +
<td align="center"><math>\leq \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\mathrm{max2}(\max(a_1, a_2, \ldots, a_n), a_{n+1}) + \mathrm{max2}(\max(b_1, b_2, \ldots, b_n), b_{n+1}) \,</math></td>
 +
<td align="left"> (ใช้ lemma 2)</td>
 +
</tr>
 +
<tr>
 +
<td align="right"></td>
 +
<td align="center"><math>= \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\max(a_1, a_2, \ldots, a_{n+1}) + \max(b_1, b_2, \ldots, b_{n+1})\,</math></td>
 +
<td align="left"></td>
 +
</tr>
 +
</table>
 +
 +
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า <math>\max(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_n+b_n) \leq \max(a_1, a_2, \ldots, a_n) + \max(b_1, b_2, \ldots, b_n) </math> สำหรับจำนวนจริง <math>a_1, a_2, \ldots, a_n</math> ใดๆ
 +
 +
== ข้อย่อย 4 ==
 +
ก่อนเราจะพิสูจน์ข้อความในโจทยฺ์ เราจะพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้ก่อน
 +
 +
'''lemma 3:''' ให้ <math>a_1, a_2 \,</math> และ <math>b_1, b_2 \,</math> เป็นจำนวนจริงใดๆ แล้ว <math>\mathrm{min2}(a_1 + b_1, a_2 + b_2) \geq \mathrm{min2}(a_1, a_2) + \mathrm{min2}(b_1, b_2) \,</math>
 +
 +
''พิสูจน์ (lemma 3):'' ให้ <math>\alpha = \mathrm{min2}(a_1, a_2) \,</math> และให้ <math>ฺ\beta = \mathrm{min2}(b_1, b_2) \,</math> เราได้ว่า <math>a_1 \geq \alpha, a_2 \geq \alpha, b_1 \geq \beta,</math> และ <math>b_2 \geq \beta \,</math> ฉะนั้น <math>a_1 + b_1 \geq \alpha + \beta \,</math> และ <math>a_2 + b_2 \geq \alpha+\beta \,</math>
 +
 +
เนื่องจาก <math>\mathrm{min2}(a_1 + b_1, a_2 + b_2) \,</math> มีค่าเท่ากับ <math>a_1 + b_1\,</math> หรือไม่ก็ <math>a_2 + b_2\,</math> เราจึงได้ว่า <math>\mathrm{min2}(a_1 + b_1, a_2 + b_2) \geq \alpha+\beta = \mathrm{min2}(a_1, a_2)  + \mathrm{min2}(b_1, b_2) \,</math>
 +
 +
 +
''พิสูจน์ (โจทย์):'' เราจะทำการพิสูจน์โดยใช้ induction บนตัวแปร <math>n \,</math>
 +
 +
(Base Case) <math>n = 1 \,</math> เราจะได้ว่า <math>\min(a_1 + b_1) \leq a_1 + b_1 = \min(a_1) + \min(b_1) \,</math>
 +
 +
(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวกและสมมติให้ <math>\min(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_n+b_n) \leq \min(a_1, a_2, \ldots, a_n) + \min(b_1, b_2, \ldots, b_n) \,</math>
 +
 +
ให้ <math>a_1, a_2, \ldots, a_{n+1}, b_1, b_2, \ldots, b_{n+1}</math> เป็นจำนวนจริงใดๆ  เราได้ว่า
 +
 +
<table cellpadding="5">
 +
<tr>
 +
<td align="right"><math>\min(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_{n+1}+b_{n+1})  \,</math></td>
 +
<td align="center"><math>= \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\mathrm{min2}(\min(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_n+b_n), a_{n+1}+b_{n+1}) \,</math></td>
 +
<td align="left"></td>
 +
</tr>
 +
<tr>
 +
<td align="right"></td>
 +
<td align="center"><math>\geq \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\mathrm{min2}(\min(a_1, a_2, \ldots, a_n) + \min(b_1, b_2, \ldots, b_n), a_{n+1} + b_{n+1}) \,</math></td>
 +
<td align="left">(สมมติฐาน)</td>
 +
</tr>
 +
<tr>
 +
<td align="right"></td>
 +
<td align="center"><math>\geq \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\mathrm{min2}(\min(a_1, a_2, \ldots, a_n), a_{n+1}) + \mathrm{min2}(\min(b_1, b_2, \ldots, b_n), b_{n+1}) \,</math></td>
 +
<td align="left"> (ใช้ lemma 3)</td>
 +
</tr>
 +
<tr>
 +
<td align="right"></td>
 +
<td align="center"><math>= \,</math></td>
 +
<td align="left"><math>\min(a_1, a_2, \ldots, a_{n+1}) + \min(b_1, b_2, \ldots, b_{n+1})\,</math></td>
 +
<td align="left"></td>
 +
</tr>
 +
</table>
 +
 +
ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า <math>\min(a_1 + b_1, a_2 + b_2, \ldots, a_n+b_n) \leq \min(a_1, a_2, \ldots, a_n) + \min(b_1, b_2, \ldots, b_n) </math> สำหรับจำนวนจริง <math>a_1, a_2, \ldots, a_n</math> ใดๆ

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:04, 11 กรกฎาคม 2552

ข้อย่อย 1

ก่อนอื่นเราจะนิยามฟังก์ชัน min และ max สำหรับค่าสองค่าก่อน ดังนี้

และ

จากนั้นเราจึงนิยามฟังก์ชัน min และ max สำหรับค่า n ค่าใดๆ ดังต่อไปนี้

และ

ข้อย่อย 2

ก่อนเราจะพิสูจน์ข้อความในโจทยฺ์ เราจะพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้ก่อน

lemma 1: ให้ และ เป็นจำนวนจริงใดๆ แล้ว

พิสูจน์ (lemma 1): การพิสูจน์แบ่งออกเป็นสองกรณี

  1. เราได้ว่า ดังนั้น
  2. เราได้ว่า ดังนั้น


พิสูจน์ (โจทย์): เราจะทำการพิสูจน์โดยใช้ induction บนตัวแปร

(Base Case) เราจะได้ว่า

(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวกและสมมติให้

ให้ เป็นจำนวนจริงใดๆ เราได้ว่า

(ใช้ lemma 1)

ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า สำหรับจำนวนจริง ใดๆ

ข้อย่อย 3

ก่อนเราจะพิสูจน์ข้อความในโจทยฺ์ เราจะพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้ก่อน

lemma 2: ให้ และ เป็นจำนวนจริงใดๆ แล้ว

พิสูจน์ (lemma 2): ให้ และให้ เราได้ว่า และ ฉะนั้น และ

เนื่องจาก มีค่าเท่ากับ หรือไม่ก็ เราจึงได้ว่า


พิสูจน์ (โจทย์): เราจะทำการพิสูจน์โดยใช้ induction บนตัวแปร

(Base Case) เราจะได้ว่า

(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวกและสมมติให้

ให้ เป็นจำนวนจริงใดๆ เราได้ว่า

(สมมติฐาน)
(ใช้ lemma 2)

ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า สำหรับจำนวนจริง ใดๆ

ข้อย่อย 4

ก่อนเราจะพิสูจน์ข้อความในโจทยฺ์ เราจะพิสูจน์ lemma ต่อไปนี้ก่อน

lemma 3: ให้ และ เป็นจำนวนจริงใดๆ แล้ว

พิสูจน์ (lemma 3): ให้ และให้ เราได้ว่า และ ฉะนั้น และ

เนื่องจาก มีค่าเท่ากับ หรือไม่ก็ เราจึงได้ว่า


พิสูจน์ (โจทย์): เราจะทำการพิสูจน์โดยใช้ induction บนตัวแปร

(Base Case) เราจะได้ว่า

(Induction Case) ให้ n เป็นจำนวนเต็มบวกและสมมติให้

ให้ เป็นจำนวนจริงใดๆ เราได้ว่า

(สมมติฐาน)
(ใช้ lemma 3)

ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่า สำหรับจำนวนจริง ใดๆ