ผลต่างระหว่างรุ่นของ "418531 ภาคต้น 2552/โจทย์ปัญหาการวิเคราะห์เชิงการจัด/เฉลยข้อ 12"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
 
(ไม่แสดง 3 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
แถว 1: แถว 1:
 
== ข้อย่อย 1 ==
 
== ข้อย่อย 1 ==
จากเงื่อนไขที่การเลือกลำดับ <math> (S_1, S_2, ..., S_k) </math> โดยที่ <math> S_1 \subseteq S_2 \subseteq S_3 \subseteq ... \subseteq S_k </math> นั้นแสดงว่า ถ้า <math> x \in S_i </math> แล้ว <math> x \in S_j; j>i </math> ด้วย และถ้า <math> x \notin S_i </math> แล้ว <math> x \notin S_j; j>i </math> ด้วย ดังนั้น จำนวนของลำดับ <math> (S_1, S_2, ..., S_k) </math> ในข้อนี้คือ <math> {(k+1)}^n </math>
+
จากเงื่อนไขที่การเลือกลำดับ <math> (S_1, S_2, ..., S_k) \,</math> โดยที่ <math> S_1 \subseteq S_2 \subseteq S_3 \subseteq ... \subseteq S_k </math>  
 +
 
 +
ให้ <math>x \,</math> เป็นสมาชิกใดๆ ของเซต <math>\{ 1, 2, 3, \ldots, n \} \,</math> หาก <math> x \in S_i </math> แล้ว <math>x \in X_{j} \,</math> สำหรับ <math>j \,</math> สำหรับจำนวนเต็ม <math>j \,</math> ทุกตัวที่มีค่ามากกว่า <math>i \,</math> ฉะนั้นเราได้ว่าสำหรับสมาชิกของเซต <math>\{1,2, \ldots, n \} \,</math> แต่ละตัว มันทางเลือก <math>k+1 \,</math> ทางเลือกดังต่อไปนี้
 +
* ไม่เป็นสมาชิกของ <math>S_1, S_2, \ldots, S_k</math> สักตัว
 +
* เป็นสมาชิกของ <math>S_i, S_{i+1}, S_{i+2}, \ldots, S_k \,</math> สำหรับ <math>i = 1, 2, \ldots, k \,</math>
 +
 
 +
ฉะนั้นจำนวนของลำดับ <math> (S_1, S_2, ..., S_k)\,</math> ในข้อนี้คือ <math> {(k+1)}^n\,</math>
  
 
== ข้อย่อย 2 ==
 
== ข้อย่อย 2 ==
การที่ <math> S_1, S_2, ..., S_k </math> ไม่มีส่วนร่วมกันเป็นคู่ ๆ คือ สำหรับสมาชิก x ใด ๆ แล้ว x จะอยู่ในสับเซตได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น หรือถ้าไม่อยู่ก็ไม่อยู่ทุกสับเซตเลย ดังนั้น จำนวนของลำดับ <math> (S_1, S_2, ..., S_k) </math> ในข้อนี้คือ <math> {(k+1)}^n </math>
+
การที่ <math> S_1, S_2, ..., S_k\,</math> ไม่มีส่วนร่วมกันเป็นคู่ ๆ คือ สำหรับสมาชิก x ใด ๆ แล้ว x จะอยู่ในสับเซตได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น หรือถ้าไม่อยู่ก็ไม่อยู่ทุกสับเซตเลย ดังนั้น จำนวนของลำดับ <math>(S_1, S_2, ..., S_k) \,</math> ในข้อนี้คือ <math> {(k+1)}^n\,</math>
  
 
== ข้อย่อย 3 ==
 
== ข้อย่อย 3 ==
การที่ <math> S_1 \cap S_2 \cap S_3 \cap  ... \cap S_k = \emptyset </math> นั้นแสดงว่าสำหรับสมาชิก x ใด ๆ นั้น x สามารถอยู่ได้ในหลายสับเซต แต่จะอยู่ทั้ง k สับเซตไม่ได้ นั่นคืออยู่ได้มากที่สุดแค่ k-1 สับเซตเท่านั้น จำนวนของลำดับ <math> (S_1, S_2, ..., S_k) </math> ในข้อนี้คือ <math> {(2^k-1)^n} </math>
+
การที่ <math> S_1 \cap S_2 \cap S_3 \cap  ... \cap S_k = \emptyset </math> นั้นแสดงว่าสำหรับสมาชิก x ใด ๆ นั้น x สามารถอยู่ได้ในหลายสับเซต แต่จะอยู่ทั้ง k สับเซตไม่ได้ ฉะนั้นสมาชิกแต่ละตัวจึงมีวิธีเลือกสับเซตที่มันอยู่เท่ากับ <math>2^k - 1</math> วิธี เนื่องจากมีวิธีเลือกสับเซตทั้งหมด <math>2^k \,</math> วิธี แต่มีวิธีที่ใช้ไม่ได้ (อยู่ในสับเซตทุกสับเซต) อยู่หนึ่งวิธี ฉะนั้นจึงมีลำดับ <math> (S_1, S_2, ..., S_k) \,</math> ทั้งหมด <math> {(2^k-1)^n}\,</math> ลำดับ

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:48, 2 สิงหาคม 2552

ข้อย่อย 1

จากเงื่อนไขที่การเลือกลำดับ โดยที่

ให้ เป็นสมาชิกใดๆ ของเซต หาก แล้ว สำหรับ สำหรับจำนวนเต็ม ทุกตัวที่มีค่ามากกว่า ฉะนั้นเราได้ว่าสำหรับสมาชิกของเซต แต่ละตัว มันทางเลือก ทางเลือกดังต่อไปนี้

  • ไม่เป็นสมาชิกของ สักตัว
  • เป็นสมาชิกของ สำหรับ

ฉะนั้นจำนวนของลำดับ ในข้อนี้คือ

ข้อย่อย 2

การที่ ไม่มีส่วนร่วมกันเป็นคู่ ๆ คือ สำหรับสมาชิก x ใด ๆ แล้ว x จะอยู่ในสับเซตได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น หรือถ้าไม่อยู่ก็ไม่อยู่ทุกสับเซตเลย ดังนั้น จำนวนของลำดับ ในข้อนี้คือ

ข้อย่อย 3

การที่ นั้นแสดงว่าสำหรับสมาชิก x ใด ๆ นั้น x สามารถอยู่ได้ในหลายสับเซต แต่จะอยู่ทั้ง k สับเซตไม่ได้ ฉะนั้นสมาชิกแต่ละตัวจึงมีวิธีเลือกสับเซตที่มันอยู่เท่ากับ วิธี เนื่องจากมีวิธีเลือกสับเซตทั้งหมด วิธี แต่มีวิธีที่ใช้ไม่ได้ (อยู่ในสับเซตทุกสับเซต) อยู่หนึ่งวิธี ฉะนั้นจึงมีลำดับ ทั้งหมด ลำดับ