ผลต่างระหว่างรุ่นของ "418531 ภาคต้น 2552/โจทย์ปัญหาการโปรแกรมพลวัต I/เฉลยข้อ 6"
ไปยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา
Aoy (คุย | มีส่วนร่วม) |
Aoy (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 6 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 2: | แถว 2: | ||
ให้ <math> OPT(i,j) \,</math> คือความยาวของลำดับย่อยที่เป็นพาลินโดรมที่ยาวที่สุดของสตริง <math> s[i,i+1,...,j] \,</math> | ให้ <math> OPT(i,j) \,</math> คือความยาวของลำดับย่อยที่เป็นพาลินโดรมที่ยาวที่สุดของสตริง <math> s[i,i+1,...,j] \,</math> | ||
+ | |||
+ | พิจารณากรณีที่ <math> i > j \,</math> จะได้ว่า <math> OPT(i,j) = 0 \,</math> | ||
+ | |||
+ | กรณีที่ <math> i=j \,</math> จะได้ว่า <math> OPT(1,1)=1 \,</math> | ||
+ | |||
+ | ส่วนกรณีที่เหลือจะได้ว่า <math> OPT(i,j)= max(OPT(i+1,j),OPT(i,j-1))\,</math> ถ้า <math> s[i] != s[j] \,</math> | ||
+ | |||
+ | หรือ <math> OPT(i,j) = max(OPT(i+1,j),OPT(i,j-1),OPT(i+1,j-1))\,</math> ถ้า <math> s[i] = s[j] \,</math> | ||
+ | |||
+ | เขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้ | ||
+ | |||
+ | <geshi lang="c"> | ||
+ | PALINDROMIC(s,n) | ||
+ | for i = 1 to n do | ||
+ | M[i,i] = 1 | ||
+ | for i = 2 to n do | ||
+ | for j = i-1 downto 1 | ||
+ | M[i,j] = 0 | ||
+ | for i = n-1 downto 1 do | ||
+ | for j = i+1 to n-1 do | ||
+ | if s[i] != s[j] then | ||
+ | M[i,j] = max(M[i+1,j],M[i,j-1]) | ||
+ | else | ||
+ | M[i,j] = max(M[i+1,j],M[i,j-1],2+M[i+1,j-1]) | ||
+ | retrun M[1,n] | ||
+ | </geshi> |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 08:22, 6 ตุลาคม 2552
เนื่องจากพาลินโดรมคือสตริงที่อ่านจากซ้ายไปขวาหรือจากขวาไปซ้ายแล้วจะเหมือนกัน ดังนั้นการตรวจสอบว่าสตริงเป็นพาลินโดรมหรือไม่ เราก็ควรตรวจสอบว่าตัวอักษรตัวแรกของทางซ้ายกับตัวอักษรตัวสุดท้ายของทางขวาเหมือนกันหรือไม่ ถ้าเหมือนแล้วจะทำอะไร และถ้าไม่เหมือนจะทำอะไร
ให้ คือความยาวของลำดับย่อยที่เป็นพาลินโดรมที่ยาวที่สุดของสตริง
พิจารณากรณีที่ จะได้ว่า
กรณีที่ จะได้ว่า
ส่วนกรณีที่เหลือจะได้ว่า ถ้า
หรือ ถ้า
เขียนเป็น pseudocode ได้ดังนี้
<geshi lang="c"> PALINDROMIC(s,n)
for i = 1 to n do M[i,i] = 1 for i = 2 to n do for j = i-1 downto 1 M[i,j] = 0 for i = n-1 downto 1 do for j = i+1 to n-1 do if s[i] != s[j] then M[i,j] = max(M[i+1,j],M[i,j-1]) else M[i,j] = max(M[i+1,j],M[i,j-1],2+M[i+1,j-1]) retrun M[1,n]
</geshi>