Se63/typescript/started
สิ่งที่ TypeScript เพิ่มให้กับ javascript คือระบบ type (type system) ที่ยืดหยุ่น และช่วยในการตรวจสอบโปรแกรม
ลองดูตัวอย่างฟังก์ชันที่ตรวจสอบว่าจุดอยู่ในวงกลมหรือไม่
function insideCircle(circle, point) {
let dx = (circle.x - point.x);
let dy = (circle.y - point.y);
return (circle.r * circle.r) >= (dx * dx + dy * dy);
}
ทดลองนำไปใส่ใน typescript playground จะเห็นการเตือนว่าทั้ง circle และ point มี type เป็น any (นั่นคือเป็นอะไรก็ได้)
เพิ่มบรรทัดต่อไปนี้
console.log(insideCircle({ r: 20 }, {}));
แล้วลองเรียกใช้งาน จะพบผลลัพธ์ที่ console ของ browser (ให้ลองหาวิธีแสดง console ดู อาจจะกด inspect element ก่อน แล้วค่อยเลือก console ก็ได้)
สังเกตว่าโปรแกรมสามารถทำงานได้และมีผลลัพธ์ แต่นี่เป็นสิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า? จากตัวอย่างนี้ อาจจะพอเห็นได้ว่ามีการส่งข้อมูลผิดพลาด แต่ถ้าโค้ดส่วนนี้อยู่ในโปรแกรมใหญ่ ๆ เราจะไม่ทราบเลยว่าอาจจะมีความผิดพลาดมาจากการส่งค่าจากที่อื่น เช่น ใช้ตัวแปรผิดตัว (หรือพิมพ์ชื่อผิด) เป็นต้น
เนื้อหา
Interface
เราสามารถระบุว่า object ที่จะส่งให้ฟังก์ชัน หรือตัวแปรต่าง ๆ ต้องมี interface ตามที่ต้องการได้โดยประกาศ interface (อ่านเพิ่มได้ที่ handbook) ดังนี้
interface Circle {
x: number;
y: number;
r: number;
}
interface Point {
x: number;
y: number;
}
และเพิ่ม type ให้กับพารามิเตอร์ของ insideCircle ให้ทดลองเพิ่ม type ให้กับทีละพารามิเตอร์แล้วสังเกต error ที่ระบบระบุในบรรทัดที่เรียกใช้ insideCircle
function insideCircle(circle: Circle, point: Point) {
// ...
}
optional และ readonly
เราสามารถระบุว่า property บางอันจะมีหรือไม่มีก็ได้ โดยตามด้วยเครื่องหมาย ? เช่น
interface Circle {
x: number;
y: number;
r: number;
color?: number;
}
สามารถระบุว่าอ่านอย่างเดียวได้ด้วย keyword readonly
การตรวจสอบว่าข้อมูลที่ส่งตรงตาม interface มีรายละเอียดมากกว่านี้มาก สามารถอ่านเพิ่มที่ handbook
Class
สังเกตว่าฟังก์ชัน insideCircle ทำงานกับวงกลมโดยเฉพาะ เราสามารถนำฟังก์ชันนี้ไปใส่รวมกับ สิ่งที่ควรจะเป็น Circle ในกรณีนี้ interface จะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเท่าใดนัก เพราะว่า interface ใช้ระบุ "หน้าตา" ว่า type ควรทำอะไรได้ ไม่ใช่ระบุการทำงานจริง ๆ เราจะเปลี่ยน interface Circle เป็น class Circle ดังนี้
ในการทดลองเขียน ให้ป้อนโดยละ constructor ไว้ก่อน แล้วดู error ที่ระบบแสดงออกมา (จะอยู่ที่บรรทัด x,y,r)
interface Point {
x: number;
y: number;
}
class Circle {
x: number;
y: number;
r: number;
constructor(xx: number, yy: number, rr: number) {
this.x = xx;
this.y = yy;
this.r = rr;
}
inside(point: Point): boolean {
let dx = (this.x - point.x);
let dy = (this.y - point.y);
return (this.r * this.r) >= (dx * dx + dy * dy);
}
}
let c = new Circle(10, 20, 30);
console.log('Circle is at', c.x, c.y);
console.log(c.inside({ x: 10, y: 40 });
ในคลาส เราจะประกาศเมทอด inside (ซึ่งถูกเรียกในตอนท้าย) และเมทอด constructor ที่ทำหน้าที่หลักคือกำหนดค่าให้กับ property ของวัตถุเมื่อมีการสร้างขึ้น เราจะสร้าง object ด้วย new พร้อมกับส่งพารามิเตอร์กำหนดค่าเริ่มต้น
สังเกตว่า property x, y, r สามารถอ่านค่าได้จาก object c
การใช้ constructor ในการกำหนดค่าเริ่มต้นทำบ่อยจนกระทั่ง typescript ให้เราเขียนแบบนี้ได้
class Circle {
constructor(public x: number, public y: number, public r: number) {}
// ...
}
keyword public ทำให้เรานิยาม property และให้นำค่าเริ่มต้นมาจากพารามิเตอร์ได้เลย
private และ protected
เราสามารถปิดการเข้าถึง property ได้โดยระบุ keyword private แทน public ที่ property ถ้าแก้บรรทัด constructor เป็น
class Circle {
constructor(private x: number, private y: number, private r: number) {}
// ...
}
บรรทัดที่พิมพ์ c.x จะขึ้น error
Inheritance
เราสามารถขยายความสามารถของคลาสโดยการ extend เช่น