มัลติทาสกิ้งบนไมโครคอนโทรลเลอร์
โปรแกรมควบคุมที่ใช้ในคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวนั้นมักต้องการให้มีการทำงานหลายส่วนขนานกันไป อาทิเช่นการตรวจสอบสถานะของแสงเพื่อเปิดปิดไฟในขณะที่ต้องตรวจสอบสถานะการกดปุ่มสวิตช์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน หรือการทำไฟกระพริบเป็นจังหวะเพื่อแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์กำลังทำงานในขณะที่ต้องคอยวนตรวจสอบข้อมูลที่มาจากพอร์ท USB เป็นต้น ในสถานการณ์เหล่านี้แม้ว่าแต่ละงานย่อยจะมีการทำงานที่ตรงไปตรงมา แต่การทำงานย่อยขนานกันไปพร้อมกันบนไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีหน่วยประมวลผลเดียวโดยไม่มีระบบปฏิบัติการคอยช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน พิจารณาตัวอย่างโปรแกรมควบคุม LED สองดวงให้กระพริบเป็นอิสระต่อกันดังนี้
- ตัวอย่าง
- เขียนเฟิร์มแวร์ที่ทำให้ LED สีเขียวบนบอร์ดพ่วงติด 1 วินาทีและดับ 0.5 วินาทีสลับกันไป ในขณะเดียวกันทำให้ LED สีแดงติด 0.7 วินาทีและดับ 0.3 วินาทีสลับกันไป
จะเห็นว่างานทั้งหมดประกอบด้วยงานย่อยสองงาน ที่ผ่านมานั้นหากใช้เฟรมเวิร์กของ Arduino การทำให้เพียง LED สีเขียวกระพริบตามที่กำหนดทำได้โดยการเขียนโค้ดในฟังก์ชัน loop
ลักษณะนี้
// LED สีเขียวติด 1 วินาที ดับ 0.5 วินาที
void loop()
{
digitalWrite(PIN_PC2, HIGH);
delay(1000);
digitalWrite(PIN_PC2, LOW);
delay(500);
}
ในขณะที่การทำให้ LED สีแดงกระพริบจะใช้โค้ดดังนี้
// LED สีแดงติด 0.7 วินาที ดับ 0.3 วินาที
void loop()
{
digitalWrite(PIN_PC0, HIGH);
delay(700);
digitalWrite(PIN_PC0, LOW);
delay(300);
}
อย่างไรก็ตาม การให้ LED ทั้งสองดวงกระพริบตามจังหวะของตัวเองขนานกันไปนั้นไม่อาจทำได้โดยการรวมงานทั้งคู่เข้าด้วยกันอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ได้
// โค้ดด้านล่างไม่ได้ทำงานตามพึงประสงค์
void taskGreen()
{
digitalWrite(PIN_PC0, HIGH);
delay(700);
digitalWrite(PIN_PC0, LOW);
delay(300);
}
void taskRed()
{
digitalWrite(PIN_PC0, HIGH);
delay(700);
digitalWrite(PIN_PC0, LOW);
delay(300);
}
void loop()
{
taskGreen();
taskRed();
}
ทั้งนี้เนื่องจากว่าฟังก์ชัน taskRed()
ไม่มีการถูกเรียกจนกว่าฟังก์ชัน taskGreen()
จะทำงานเสร็จในหนึ่งรอบซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 1.5 วินาที ในทำนองเดียวกัน ระหว่างที่ฟังก์ชัน taskRed()
ทำงานอยู่นั้นฟังก์ชัน taskGreen()
ก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานเช่นกัน
เครื่องจักรสถานะ
เวลาที่สูญเสียไปกับฟังก์ชันทั้งคู่ตามตัวอย่างข้างต้นนั้นเกือบทั้งหมดเกิดจากการใช้คำสั่ง delay ซึ่งเป็นการหยุดรอโดยไม่ทำอะไรทั้งสิ้น จึงส่งผลกระทบให้งานอื่นที่ต้องการการประมวลผลหยุดชะงักลงด้วย เราจึงต้องออกแบบทั้งสองฟังก์ชันใหม่เพื่อให้ทำงานเสร็จสิ้นในการเรียกแต่ละครั้งให้เร็วที่สุดเพื่อให้งานอื่นมีโอกาสได้ประมวลผล แนวคิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือมองงานแต่ละงานในรูป เครื่องจักรสถานะจำกัด (Finite State Machine) หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเครื่องจักรสถานะ ผังภาพด้านล่างแสดงเครื่องจักรสถานะของงานควบคุม LED สีเขียว
กลไกการทำงานของงาน (หรือเครื่องจักร) ข้างต้นเป็นดังนี้
- เริ่มทำงานโดยเข้าสู่สถานะ ON ซึ่งมีการสั่งให้ LED สีเขียวติด และบันทึกเวลาปัจจุบันเป็นมิลลิวินาทีจากฟังก์ชัน
millis()
ไว้ในตัวแปรts
(ย่อมาจาก timestamp)- (หมายเหตุ: ฟังก์ชัน millis() เป็นฟังก์ชันที่เฟรมเวิร์ก Arduino มีให้ใช้สำหรับตรวจสอบว่าไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ทำงานมาเป็นระยะเวลานานกี่มิลลิวินาที)
- ตรวจสอบเวลาที่อยู่ในสถานะนี้โดยคำนวณค่า
millis()-ts
เกินค่า 1000 มิลลิวินาที- หากยังไม่เกินให้อยู่ในสถานะเดิม
- หากเกินแล้ว ให้เข้าสู่สถานะ OFF โดยบันทึกค่า
ts
เป็นเวลาที่เข้าสู่สถานะใหม่ใน และดับ LED สีเขียว
- ดำเนินการในลักษณะเดียวกันเมื่ออยู่ในสถานะใหม่