ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Sgt/lecture4"

จาก Theory Wiki
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
แถว 23: แถว 23:
 
ให้ A เป็น matrix ใดๆ เราเขียนแทนว่า A เป็น positive semi-definite ด้วย <math>A \succeq 0</math> โดยนิยามดังนี้
 
ให้ A เป็น matrix ใดๆ เราเขียนแทนว่า A เป็น positive semi-definite ด้วย <math>A \succeq 0</math> โดยนิยามดังนี้
 
{{กล่องทฤษฎีบท|<math>A \succeq 0</math> เมื่อและต่อเมื่อ <math>\forall\psi\in\mathbb{R}^n\ ;\ \psi^TA\psi \geq 0</math>}}
 
{{กล่องทฤษฎีบท|<math>A \succeq 0</math> เมื่อและต่อเมื่อ <math>\forall\psi\in\mathbb{R}^n\ ;\ \psi^TA\psi \geq 0</math>}}
และสำหรับ matrix A,B ใดๆ เราเขียนแทนว่า <math>A \succeq B</math> เมื่อและต่อเมื่อ <math>A-B \succeq 0</math>
 
ความสัมพันธ์นี้มีคุณสมบัติถ่ายทอด คือถ้า <math>A \succeq B ; B \succeq C</math> จะได้ว่า <math>A \succeq C</math>
 
  
ทำนองเดียวกัน สำหรับกราฟ G,H ใดๆ เราแทนว่า <math>G \succeq H</math> เมื่อและต่อเมื่อ <math>L_G \succeq L_H</math>
+
และสำหรับ matrix A,B ใดๆ เราเขียน <math>A \succeq B</math> แทน <math>A-B \succeq 0</math> โดยความสัมพันธ์นี้มีคุณสมบัติถ่ายทอด คือ <math>A \succeq B \and B \succeq C \Rightarrow A \succeq C</math>
และสังเกตว่า ถ้า H เป็น subgraph ของ G จะได้ว่า <math>G \succeq H</math>
+
 
 +
ทำนองเดียวกัน สำหรับกราฟ G,H ใดๆ เราเขียน <math>G \succeq H</math> แทน <math>L_G \succeq L_H</math>
 +
สังเกตว่า ถ้า H เป็น subgraph ของ G จะได้ว่า <math>G \succeq H</math>
  
 
และสำหรับจำนวนจริง c ใดๆเราเขียนแทน <math>G \succeq c \cdot H</math> หมายถึง <math>L_G \succeq c \cdot L_H</math>
 
และสำหรับจำนวนจริง c ใดๆเราเขียนแทน <math>G \succeq c \cdot H</math> หมายถึง <math>L_G \succeq c \cdot L_H</math>
  
 
จากนิยามข้างต้น เราจะได้คุณสมบัติว่า (ในเนื้อหาครั้งนี้ไม่มีการพิสูจน์ทฤษฎีบทนี้)
 
จากนิยามข้างต้น เราจะได้คุณสมบัติว่า (ในเนื้อหาครั้งนี้ไม่มีการพิสูจน์ทฤษฎีบทนี้)
{{กล่องทฤษฎีบท|ถ้า G,H เป็นกราฟที่มีคุณสมบัติว่า}}
+
{{กล่องทฤษฎีบท|ถ้า G,H เป็นกราฟที่มีคุณสมบัติว่า <math>G \succeq c \cdot H</math> จะได้ว่า <math>\forall k\\
 +
\lambda_k(G) \geq c\cdot\lambda_k(H)</math> เมื่อ <math>\lambda_k(G)</math> หมายถึง eigen value ตัวที่ k ของกราฟ G}}
  
 
==Path Inequality==
 
==Path Inequality==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:09, 25 กุมภาพันธ์ 2558

Spectral Graph Theory

  1. บทนำและทบทวนพีชคณิตเชิงเส้น (ณัฐวุฒิ)
  2. คุณสมบัติของ Eigenvalue ต่อกราฟ (ธานี,ณัฐวุฒิ)
  3. คุณสมบัติของ Eigenvalue ต่อกราฟ[2] (ภัทร)
  4. คุณสมบัติของ Eigenvalue ลำดับที่สองบนกราฟต่างๆ (ธานี)
  5. Cheeger Inequality (ศุภชวาล)
  6. การทดลอง Cheeger Inequality และ Effective Resistance (ธานี)
  7. Random Walks และ Psuedo Random Generator (ศุภชวาล)
  8. Psuedo Random Generator[2] (ภัทร)
  9. Coding Theory และ Expander code (ธานี)
  10. Expander graph from Linear coding (ภัทร)
  11. Chebyshev polynomial (ศุภชวาล)
  12. Preconditioning (ธานี)

แก้ไขกล่องนี้แก้ไขสารบัญ

บันทึกคำบรรยายวิชา Spectral graph theory นี้ เป็นบันทึกที่นิสิตเขียนขึ้น เนื้อหาโดยมากยังไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด การนำไปใช้ควรระมัดระวัง

ในสัปดาห์นี้ เราได้พูดถึง Courant–Fischer Theorem

Courant–Fischer Theorem

ให้ A เป็น symmetric matrix ขนาด n ที่มี eigen value (สังเกตว่าเรียงสลับด้านกับ ในเลคเชอร์อื่นๆ)

เราจะได้ว่า


To be proved...

Littlebox.png

Graphic Inequality

เป็นการเปรียบเทียบกราฟโดยให้ sense ของการ "มากกว่า" "น้อยกว่า" เหมือนการเปรียบเทียบจำนวนจริง
ให้ A เป็น matrix ใดๆ เราเขียนแทนว่า A เป็น positive semi-definite ด้วย โดยนิยามดังนี้

เมื่อและต่อเมื่อ

และสำหรับ matrix A,B ใดๆ เราเขียน แทน โดยความสัมพันธ์นี้มีคุณสมบัติถ่ายทอด คือ

ทำนองเดียวกัน สำหรับกราฟ G,H ใดๆ เราเขียน แทน สังเกตว่า ถ้า H เป็น subgraph ของ G จะได้ว่า

และสำหรับจำนวนจริง c ใดๆเราเขียนแทน หมายถึง

จากนิยามข้างต้น เราจะได้คุณสมบัติว่า (ในเนื้อหาครั้งนี้ไม่มีการพิสูจน์ทฤษฎีบทนี้)

ถ้า G,H เป็นกราฟที่มีคุณสมบัติว่า จะได้ว่า เมื่อ หมายถึง eigen value ตัวที่ k ของกราฟ G

Path Inequality

ให้กราฟขนาด n โหนด แทนกราฟที่มีเส้นเชื่อมเดียว (1,n) และกราฟที่มีเส้นเชื่อม n-1 เส้น ตามลำดับ

TO BE CONTINUED